รีวิวสกินแคร์ใช้เอง : รักษาสิว และจุดด่างดำง่าย ๆ ด้วยสกินแคร์ตัวไหนดี
อัปเดตล่าสุด : 31/08/2023
สกินแคร์ที่ดี คือสกินแคร์ที่เหมาะกับผิวหน้าของเราที่สุด

สวัสดีค่า สาว ๆ ทุกคน สบายดีกันไหมเอ่ย? ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย มีทั้งร้อน ฝน และหนาวในวันเดียวกัน ดังนั้นอาจทำให้หลาย ๆ คนไม่สบายได้ อย่าลืมดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ ใครกลัวป่วยก็ลองหาพวกวิตามินมาไว้ทานนะคะ แต่วันนี้เราไม่ได้จะมารีวิววิตามินน๊า แต่จะมารีวิวสกินแคร์ที่ใช้ในช่วงหน้าร้อน แล้วชอบมาก ๆ จนต้องซื้อมาใช้ต่อ นำมาเป็นตัวเลือกให้เพื่อน ๆ ไปลองใช้ดูกันนะคะ
ต้องขอบอกก่อนว่าช่วงหน้าร้อนนี้ เรามีสิวและจุดด่างดำเยอะมาก จนแบบจะร้องไห้ กังวลมาก เพราะพื้นฐานหน้าเราไม่ใช่คนเป็นสิว แต่เจอคุณพนักงานขายเครื่องสำอางบอกว่าหน้าเราเป็นสิวฮอร์โมนนะ และสิวที่อาจเกิดจากการแต่งหน้าบ่อย ๆ แล้วล้างหน้าไม่สะอาด
NO SPONSER นะจ๊ะ ใช้เองทุกตัว ย้ำ! ทุกตัวค่ะ เลือกซื้อและหาข้อมูลทุกอย่าง + ปรึกษาเพื่อน ให้ช่วยตรวจดูส่วนประกอบในสกินแคร์ให้ด้วย เวลาไปซื้ออย่าลืมพาเพื่อนไปด้วยนะคะ
สำหรับสกินแคร์ที่เราใช้ เราจะเลือกสกินแคร์โดยพยายามหลีกเลี่ยงพวกน้ำมัน น้ำหอม และแอลกอฮอล์ให้มากที่สุด เพราะเป็นคนหน้าแพ้ง่ายและค่อนข้างมัน ซึ่งส่วนที่มันจะเป็น “ทีโซน (T-Zone)”
มาดูหน้าเราเป็นกันดีกว่า.....

นี่คือใบหน้าของเรา หลังจากทำการล้างเครื่องสำอาง และล้างหน้า
ยังไม่ได้ลงครีมหรือสกินแคร์ตัวใดนะคะ ที่ไม่ได้ฝั่งซ้าย เพราะฝั่งนั้นไม่มีสิวนะคะ
ส่วนใหญ่จะเป็นแก้มข้างขวา และจมูกกับหน้าผาก ซึ่งหน้าผากมีทั้งสิวใหญ่ และสิวผด
ที่เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน
ด้วยสภาพหน้าที่พัง เจลว่านหางจระเข้ก็เอาไม่อยู่
เราคิดว่าเราต้องเริ่มดูแลหน้าตัวเองบ้างแล้ว จะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้
จึงเริ่มศึกษาหาข้อมูลว่าควรทำอย่างไร เริ่มยังไง ใช้สกินแคร์ตัวไหนดี
สิ่งแรกคือดูสภาพหน้าเราก่อนว่า เป็นคนสภาพหน้าแบบไหน แล้วค่อยไปศึกษาว่าสภาพหน้าแบบนี้มักแพ้อะไร แล้วจึงไปดูพวกรีวิวสกินแคร์ว่ามีคุณสมบัติตามที่เราต้องการไหม มีส่วนประกอบใดที่ไม่เหมาะกับหน้าของเราหรือเปล่า
แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะเราจะรู้ได้จริง ๆ แบบชัวร์ว่าเราแพ้อะไรก็ต่อเมื่อเราได้ลองใช้ด้วยตัวเอง ดังนั้นในระยะแรกจึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวทดลอง หรือ Tester ก่อนจะดีที่สุด มาดูสกินแคร์ที่เราใช้กัน
#รีวิวสกินแคร์ตัวที่ 1

Estee Lauder Advanced Night Repair เซรั่มตัวดังที่เหล่า Beauty Blogger นำมารีวิวให้ได้ดูกัน ด้วยชื่อเสียงอันเลื่องลือของน้องเขาจึงทำให้เราตัดสินใจซื้อตัวทดลองของ ANR มาใช้ก่อน ในราคา 500 บาท ต้องบอกว่าตัวนี้หามานานมาก จนไปเจอที่ Eveandboy สยามสแควร์วัน จะอยู่ข้างเคาน์เตอร์ชำระเงิน ลองหาดูนะคะหรือถามพนักงานดู อย่าไปกลัวพนักงานค่ะ
เราใช้ตัวนี้เพราะว่า ฟังจากพนักงานขายและรีวิวต่าง ๆ น้องขึ้นชื่อเรื่องกู้ผิว ต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหน้าแข็งแรง แม้ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ต้านริ้วรอย แต่ก็ดีสำหรับคนอายุ 20 กลาง ๆ แบบเรา ซึ่งเหมาะกับเราที่หน้าพังมาก ๆ
หากดูตามส่วนผสมที่เราพอทราบ โดยรวมจะช่วยกระตุ้นการปกป้องผิวตามธรรมชาติ คู่ควรกับผิวที่เป็นสิวง่าย แถมยังช่วยสร้างกำแพงผิวหนังของผิวที่ไวต่อแสงและเพื่อปกป้องผิวจากมลภาวะ ลักษณะของเซรั่มจะออกสีส้มอ่อน ๆ ข้นนิด กลิ่นไม่หอมแต่ไม่ได้แย่
หลังจากใช้งาน Estee lauder advanced night repair
หน้าดีขึ้นจริง ดูผ่องขึ้นและเนียนขึ้นทำให้ผิวดูสุขภาพดี พอหน้าเราดีขึ้นเวลาแต่งหน้าก็จะง่ายขึ้น เรารู้สึกว่าหน้าของเราแข็งแรงขึ้น ส่วนพวกรอยจุดด่างดำ หรือสิวยังช่วยไม่ได้เท่าไร หลังจากใช้ไปได้สักระยะ เราก็เริ่มอยากลองสกินแคร์ตัวอื่น ๆ เพราะรู้สึกว่าผิวหน้าฉันพร้อมแล้ว ไปดูตัวที่ 2 กันโล้ดดด
ให้คะแนน : 9/10 (หักเพราะระหว่างใช้ไม่ได้เห็นผลอย่างชัดเจน แต่รู้สึกว่าหน้าได้รับการดูแล)
#รีวิวสกินแคร์ตัวที่ 2

ORIGINS Mega-Mushroom Relief & Resilience Soothing Treatment Lotion เป็นชื่อสกินแคร์ที่ยาวมาก ๆ อีกหนึ่งตัว ส่วนใหญ่จะเรียกกันว่า “น้ำตบเห็ด” หรือ Origins Mega-Mushroom
หากผิวของคุณต้องการการดูแลด้วยความอ่อนโยนและสัมผัสที่ละมุนละไม คุณต้องลองโลชั่นบำรุงผิวจากเห็ดหลินจือ (Reishi) ตัวนี้เราไปเจอมาที่ Multy Beauty ที่เปิดใหม่กลางสยามสแควร์ ตัวนี้เราลองเป็นตัวทดลองอีกเช่นเคย เพราะเห็นเป็นเห็ดแล้วกลัวแพ้ เราซื้อมาในราคา 190 บาท 7 ml. ใช้ได้ประมาณ 1 อาทิตย์
แม้กลิ่นจะแรง แต่คุณสมบัติของเขาดีเยี่ยม ด้วยโลชั่นเนื้อบางเบาเป็นน้ำ ที่ผ่านกระบวนการหมัก โดยมีเห็ดหลินจือ (Reishi) และซีบัคธอร์น (Sea Buckthorn) เป็นส่วนประกอบหลัก นอกจากนี้ยังปราศจากแอลกอฮอล์และมีค่าความเป็นกรดด่างใกล้เคียงกับสภาพผิวตามธรรมชาติ เราจะใช้ Origins Mega-Mushroom หลังจากทำความสะอาดผิวเสร็จ ก่อนลงเซรั่ม Estee ANR
หลังจากใช้ Origins Mega-Mushroom
แม้ว่าออริจิ้นจะบอกว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นโลชั่น แต่พอใช้แล้วรู้สึกเหมือนเป็นโทนเนอร์มากกว่า จึงใช้บำรุงผิวก่อนลงสกินแคร์ตัวอื่นได้ เพราะเนื้อโลชั่นไม่เหนียวแต่เป็นน้ำที่ระเหยค่อนข้างเร็ว เมื่อใช้แล้วรู้สึกว่าผิวของเรามีความชุ่มชื้น ดูนุ่มนวลช่วยเรื่องรอยแดงได้ดี แต่รอยดำที่เป็นมานานอาจต้องใช้เวลาสักหน่อย และน่าจะช่วยปกป้องผิวที่ระคายเคือง เรารู้สึกว่าช่วงที่ใช้สิวผดหายไวมาก
ให้คะแนน : 10/10 (รักมากกกกกกก จนต้องซื้อซ้ำ ขวดใหญ่ไปเลย ลองดูมีหลายขนาดหลายราคา)
#รีวิวสกินแคร์ตัวที่ 3

LANEIGE CICA SLEEPING MASK น้องกระปุกสีเขียวตัวใหม่ คุณภาพดีงาม ตัวนี้เราไปเจอที่ Multy Beauty อีกเช่นเคย (เพราะช้อป Laneige ที่ไทยของยังไม่เข้าสักที) ซึ่งตัวนี้เราซื้อตัวทดลองมาก่อน จำไม่ได้ว่าราคาเท่าไหร่ 100-300 และก็ไปตำกระปุกใหญ่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากลดราคาค่ะ จาก 1100 บาท ลดเหลือ 750 บาท (หมดไวมาก) ถ้าซื้อที่เกาหลีตกกระปุกละ 32,000 วอน หรือ 850 บาท ขึ้นอยู่กับค่าเงินขณะนั้น
สำหรับตัวนี้เราใช้มา 2 อาทิตย์กว่ารักมาก ๆ เป็นลูกรักไปแล้ว ใช้เป็นตัวสุดท้ายในการลงสกินแคร์ เพราะส่วนผสมของเขามาจาก Forest Yeast ที่ช่วยเสริมสร้างและเป็นเกราะป้องกันผิวในเวลากลางคืน
หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่า Cica ช่วยเรื่องสิวเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริงสลิปปิ้งมาส์กตัวนี้เหมาะสำหรับคนเป็นสิว เพราะเป็นสูตรที่อ่อนโยนต่อผิว ใช้ได้แม้ผิวบอบางแพ้ง่าย เนี่ยแบบนี้เข้าทางเราเลือกซื้อตัวที่เหมาะสำหรับคนผิวแพ้ง่ายไว้ก่อน
หลังจากใช้ LANEIGE CICA SLEEPING MASK
คำแนะนำในการใช้ Cica คือใช้ 2-3 วัน/สัปดาห์ แต่เราใช้ทุกคืน แม้เราจะเป็นคนหน้ามันแต่รู้สึกว่าทาครีมแล้วหน้าสดชื่นเย็น ๆ ตอนเช้ามาผิวดูอิ่มน้ำ เนียนขึ้น ช่วยเรื่องสิวผด รอยแดงและรอยจุดด่างดำ ซึ่งอย่าลืมว่านี่คือ Sleeping Mask ต้องใช้ตอนกลางคืนและก่อนนอนเท่านั้น ทาครีมแล้วออกไปดูหนัง กินข้าวอันนี้ไม่ถูกนะคะ หน้าเยิ้มมาว่าแบรนด์ไม่ได้น๊า
ให้คะแนน : 9.5 คะแนน (ลบ 0.5 เพราะครีมหนักหน้าไปหน่อย แต่ใช้ดีใช้ต่อค่ะ)

Review by : มุกกี้ ชวนเม้าท์
⠀⠀⠀